“โอบามา” เยือนหลวงพระบาง สัมผัสศาสนาและวัฒนธรรมลาว-ดูดน้ำมะพร้าวชื่นใจ

Last updated: 8 ก.ย. 2559 |

“โอบามา” เยือนหลวงพระบาง สัมผัสศาสนาและวัฒนธรรมลาว-ดูดน้ำมะพร้าวชื่นใจ

เอพี - ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสานความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับลาว และประชาชนชาวลาว ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เดินทางไปเยี่ยมชมวัด และชื่นชมกับวัฒนธรรมลาวในวันนี้ (7) หลังให้คำมั่นว่า สหรัฐฯ จะเติมเต็ม “พันธะผูกพันทางมนุษยธรรมและจริยธรรม” ในการกำจัดระเบิดที่ยังไม่ระเบิดหลายล้านลูก

ผู้นำสหรัฐฯ เดินทางเยือนหลวงพระบาง เมืองที่รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรม และมรดกทางศาสนาที่หลายคนในซีกโลกตะวันตกรู้จักเพียงเล็กน้อย เมืองหลวงพระบาง ถูกจัดให้เป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำโขง เมืองที่เป็นศูนย์กลางของความเชื่อทางพุทธศาสนาในช่วงอาณาจักรล้านช้าง เมื่อศตวรรษที่ 14

โอบามา เดินทางไปยังเมืองหลวงพระบาง จากนครหลวงเวียงจันทน์ด้วยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน และขบวนรถของผู้นำสหรัฐฯ ได้แล่นไปตามถนนลาดยางที่เต็มไปด้วยฝุ่นเข้าสู่ตัวเมือง ระหว่างทางมีประชาชนกลุ่มเล็กๆ โบกมือทักทายมาจากร้านค้า บ้างก็เก็บภาพด้วยโทรศัพท์มือถือ

จุดแรกที่โอบามาแวะชม คือ วัดเชียงทอง วัดเก่าแก่ของหลวงพระบาง ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 โดยโอบามาได้ปฏิบัติตามธรรมเนียม คือ ถอดรองเท้าเดินชมพระพุทธรูปทองคำที่ตั้งเรียงราย และราชรถแกะสลักไม้สีทองที่มีเศียรพญานาค 5 เศียรยื่นออกมาจากด้านหน้า ภายในโรงเก็บราชรถ ซึ่งโอบามา กล่าวว่า เป็นสิ่งที่งดงามอย่างมาก

หลังจากชมวัด และถ่ายภาพร่วมกับสามเณร 20 รูป ผู้นำสหรัฐฯ ได้แวะดื่มน้ำมะพร้าวสดๆ จากลูก ริมแม่น้ำโขง และซื้อของฝากให้แก่ลูกสาว 2 คน ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งโอบามา กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความหมายกับเขาอย่างมาก และการเดินทางในลาวทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาในวัยเด็ก

ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ร่วมพูดคุยตอบคำถามกับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการผู้นำเยาวชนอาเซียน (Young Southeast Asian Leaders Initiative : YSEALI) ที่จัดในมหาวิทยาลัยสุพานุวง โดยโอบามา ได้กล่าวแก่เยาวชนจากประเทศต่างๆ ว่า เขาใช้ชีวิตวัยเด็กอยู่ในอินโดนีเซีย ส่วนน้องสาวคนละพ่อของเขาก็เป็นลูกครึ่งอินโดนีเซีย และแม่ที่เสียไปแล้วของเขาก็ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคนี้ ความมุ่งมั่นของเขาที่จะสานสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับภูมิภาคนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริง และยังย้ำว่า เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่พบหารือเป็นประจำกับบรรดาผู้นำชาติสมาชิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวเสริมว่า ชาวอเมริกันนั้นบางครั้งรู้สึกขี้เกียจ และยังมีมุมมองแคบ เขาหวังให้การเป็นประธานาธิบดีของเขาช่วยขยายโลกทัศน์ที่จะทำให้สหรัฐฯ สามารถเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่สำหรับสิ่งที่ดีในโลก แต่เพราะขนาดของประเทศ ทำให้ยังมีชาวอเมริกันจำนวนมากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประเทศอื่นๆ น้อยเกินไป ซึ่งเขาพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นด้วยการเชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิภาคเอเชียที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หากชาวอเมริกันไม่มีส่วนร่วม และเรียนรู้ พวกเขาจะพลาดโอกาส และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

สำหรับ โอบามา การเยือนครั้งนี้เป็นเหมือนจุดสูงสุดของความพยายามนานนับปีที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในความพยายามที่จะย้ายทรัพยากรทางทหาร และทางการทูตของสหรัฐฯ ออกจากตะวันออกกลางไปยังภูมิภาคเอเชีย เพื่อตอบโต้จีนในภูมิภาค และทำให้แน่ใจว่า สหรัฐฯ มีฐานที่มั่นคงในตลาดที่กำลังเติบโตแห่งนี้.